Early Learning: การเรียนรู้ของวัยแรกเริ่ม

วีณา ประชากูล

แน่นอน! การเรียนรู้ในระยะแรกเริ่มของเด็กปฐมวัยเป็นสิ่งสําคัญที่ส่งผลต่อพัฒนาการและความรักที่จะเรียนรู้ของเด็ก การดูแลเอาใจใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทางอารมณ์ สายสัมพันธ์และการตอบสนองที่ดีในแต่ละวันระหว่างเด็กกับพ่อแม่หรือผู้เลี้ยงดู ล้วนเป็นเหมือนบ่วงร้อยรัดถักทอที่สำคัญต่อคุณภาพและโอกาศที่จะสามารถมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จในอนาคต การสร้างโลกแห่งการเรียนรู้ในช่วงแรกของชีวิตนี้ส่งผลต่อความสามารถในการพึ่งพาตนเอง ความมั่นใจ และพลังแห่งการใฝ่รู้เพื่อพัฒนาตนเองในแบบที่เขาควรเป็นตามศักยภาพต่อไป

ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการส่งเสริมพัฒนาการสำคัญในแต่ละด้าน ทั้งด้านความเข้าใจตนเอง อารมณ์ สังคม ด้านภาษา ด้านคณิตศาสตร์ และด้านร่างกาย เป็นสิ่งสำคัญที่วงการวิชาการได้พิสูจน์แล้วว่าหากผู้เลี้ยงดูมีความตระหนักจะช่วยให้เด็กในปกครองเรียนรู้ได้ดี มีวิธีการตอบสนองและพัฒนาความกระหายใคร่รู้ตามช่วงวัยของเด็กด้วยวิธีการเลี้ยงดูคู่การเรียนรู้ที่เหมาะสม หากคุณพ่อคุณแม่ หรือผู้ดูเลี้ยงดูเด็กยังมีความวิตกกังวลว่าความรู้ของเรามีเพียงพอหรือไม่อย่างไร คำอธิบาย เกี่ยวกับการเรียนรู้ของวัยแรกเริ่มเรียนรู้ด้านต่อไปนี้ อาจจะช่วยให้ท่าน เบาใจ คลายกังวลได้บ้าง เรามาทำความเข้าใจตามไปทีละประเด็นทีละหัวข้อกันนะคะ

หัวข้อที่ 1

การพัฒนาสมอง:เมื่อทารกเกิดมาสมองของพวกเขาเป็นเหมือนกระดานชนวนที่ว่างเปล่าและมันเริ่ม สร้างการเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว จากการดูแลเอาใจใส่ ของผู้ คนรอบข้าง รวมถึง การสร้าง สภาวะแวดล้อม ที่อบอุ่น ปลอดภัยเช่น การกอด การพูดคุยและการปลอบประโลมช่วยให้สมองทารกพัฒนาได้อย่างถูกต้อง ประสบการณ์การเรียนรู้ในช่วงต้นแม้แต่ประสบการณ์ง่ายๆ เช่น การเล่นกับของเล่นหรือการฟังเรื่องราว

กระตุ้นสมองล้วนเป็นการวางรากฐานสําหรับการเรียนรู้ในอนาคตทั้งสิ้น

หัวข้อที่ 2

การเรียนรู้มาคู่อารมณ์ที่ดี: ทารกและเด็กวัยเตาะแตะต้องการความรักและความเอาใจใส่เพื่อให้รู้สึก

ปลอดภัย การดูแลที่ตอบสนองในช่วงปีแรกของเด็กสร้างความผูกพันทางอารมณ์ การดูแลเอาใจใส่ที่ให้ความรู้สึกปลอดภัยและไว้วางใจซึ่งเป็นสิ่งจําเป็นสําหรับการรักษาความสมดุลที่ดีทางอารมณ์ และเมื่อเด็กรู้สึกรักและปลอดภัยพวกเขามีแนวโน้มที่จะเติบโตเป็นบุคคลที่มีความมั่นใจและมีความยืดหยุ่นทางอารมณ์ ส่งผลต่อเนื่องไปสู่พฤติกรรมการเรียนรู้ที่ดีส่งเสริมพัฒนาการทางสติปัญญา และพัฒนาการด้านอื่นๆ แบบองค์รวมต่อเนื่องไป

หัวข้อที่ 3

ทักษะทางภาษา: การดูแลเอาใจใส่ที่พ่อแม่หรือผู้ดูแลพูดคุยและอ่านให้เด็กฟังช่วยทำให้เกิดการได้มาซึ่งภาษาที่เป็นรากฐานที่จําเป็นสําหรับการสื่อสารและการเรียนรู้ในอนาคต การขยับขยายประสบการณ์ทางภาษาโดยการพูดคุยกับทารกตั้งแต่เนิ่นๆ เล่านิทานให้ฟัง หรือพูดคุยถึงตัวละครในนิทานซึ่งอ่านด้วยกัน แม้ในวัยที่ทารกยังไม่สามารถตอบโต้กลับได้อย่างสมบูรณ์เป็นสิ่งสําคัญสําหรับการพัฒนาภาษา เนื่องจากพัฒนาการด้านภาษาของทารกเป็นเหมือนฟองน้ำที่ดูดซับเสียงและคําพูดที่พวกเขาได้ยินเป็นการเปิดรับภาษา

ในช่วงต้นที่จะส่งต่อในการพัฒนาความรู้ความเข้าใจด้านการสื่อสารภาษาของเด็ก

หัวข้อที่ 4

ทักษะทางสังคม: การดูแลเอาใจใส่ช่วยให้เด็กเรียนรู้เกี่ยวกับปฏิสัมพันธ์ทางสังคม อยู่ใกล้ๆ เวลาลูกเล่น ของเล่น หรือ เล่น บทบาท สมมติ คน เดียว หรืออาจจะชวนคุยเกี่ยวกับสภาพอารมณ์ ซักถามถึงความรู้สึกของคนอื่น ให้เด็กอธิบายในมุมมองผู้อื่น ในขณะที่คุณพ่อ คุณแม่ ก็ ต้องขยันที่จะอธิบายเหตุ และผลในการกระทำ หรือพฤติกรรมพี่จะส่งผลต่อคนอื่นเช่นกัน เมื่อพวกเขาได้รับความสนใจและการเอาใจใส่เช่นนี้แล้ว พวกเขาจะเริ่มแสดงความรู้สึกและพัฒนาความเห็นอกเห็นใจ เข้าใจวิธีการสร้างความสัมพันธ์กับผู้อื่นเช่นกัน

การพัฒนาความรู้ความเข้าใจ: ประสบการณ์การเรียนรู้ในช่วงต้น เช่น การสํารวจสี การจำแนกแยกแยะรูปร่าง รูปทรง และพื้นผิวกระตุ้นการพัฒนาความรู้ความเข้าใจด้านวัตถุของเด็ก การเล่นดินหินทราย หรือการเล่นแท่งไม้ การเล่น บทบาท สมมติ การเล่นเป็นแม่ครัวทำอาหาร เล่นเป็นแม่ค้า หรือเป็นคนซื้อของ กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้เด็กเข้าใจโลกรอบตัว พัฒนาทักษะการแก้ปัญหา และพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ตามโอกาสในการเรียนรู้นั้นๆ  การได้รับหนังสือและของเล่นเพื่อการศึกษาตั้งแต่เนิ่นๆ สามารถจุดประกายความรักในการเรียนรู้ได้

หัวข้อที่ 5

การเล่นคือการเรียนรู้: การเล่นเป็นการส่งเสริม และสนับสนุนการเรียนรู้ในบรรยากาศของความสนุกสนาน เราควรเปิดพื้นที่การเล่นให้กับเด็กอยู่ตลอดเวลา คอยดูแลสนับสนุนการเล่น จัดหาของเล่นหรือวัสดุที่กระตุ้นการเล่น หรือความอยากรู้อยากเห็นจะทำให้การเล่นของเด็กมีชีวิตชีวามากขึ้น งานวิจัย ต่างๆ ล้วน พบ ข้อมูล สอดคล้อง กันว่า การเล่นนั้น สำคัญ ต่อพัฒนาการด้านสติปัญญา การเล่นจำเป็นต่อพัฒนาการทางด้านคณิตศาสตร์ การพยายามหาคำตอบระหว่างการเล่นช่วยให้ เด็กเข้าใจความสัมพันธ์ของวัตถุและสสาร เข้าใจคุณสมบัติทางกายภาพของวัตถุ ในขณะที่การเล่น บทบาท สมมติ เป็นหัวใจสำคัญอย่างยิ่งต่อพัฒนาการด้านอารมณ์และสังคม

หัวข้อที่ 6

การเตรียมความพร้อมสําหรับโรงเรียน: การดูแลเอาใจใส่และการเลี้ยงดูคู่การเรียนรู้ในช่วงปฐมวัย

เป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสําหรับการศึกษาอย่างเป็นทางการ เด็กที่มีโอกาสในการเรียนรู้ระยะแรกเริ่ม และมีประสบการณ์การเลี้ยงดูคู่การเรียนรู้ที่มีคุณภาพตามวัยมีแนวโน้มที่จะประสบความสําเร็จในโรงเรียนเพราะ พวกเขาได้พัฒนาทักษะที่จําเป็นต่อการเรียนรู้ เช่นความสนใจ ความอยากรู้อยากเห็น และความรักในการเรียนรู้

ในช่วงเวลาแรกเริ่มการเรียนรู้ของเด็กวัยนี้ ผู้เลี้ยงดูจําเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาพัฒนาการและความก้าวหน้าในการเลี้ยงดูคู่การเรียนรู้ในช่วงต้นสําหรับเด็กเล็ก หากผู้ดูแลมีมิติของความรู้ ความเข้าใจ และเทคนิควิธีการที่เหมาะสม การที่พ่อแม่ หรือ ผู้เลี้ยงดูอยากรู้ว่า เราต้องทำอะไร เพื่อช่วยให้ลูกของเราได้ค้นพบ ความสามารถของตน ความต้องการของตน ความกระหายใคร่รู้ความอยากรู้อยากเห็นซึ่งเป็นพลังที่แท้จริงแห่งการเรียนรู้ ไม่จำเป็นเลยที่ต้อง รีบเร่ง หรือต้องเรียน สิ่งต่างๆมากมาย จนทำให้เด็กเหนื่อยล้าและไม่สนุก การเล่นที่เป็นธรรมชาติของเด็ก นั่นเพียงพอแล้ว สำหรับ การ เจริญ เติบโต เป็น มนุษย์ ที่สมบูรณ์

“โปรดระลึกไว้เสมอว่า เด็กแต่ละคนมีการพัฒนาตามอัตราเร็วของตัวเองและมีความแตกต่างระหว่างบุคคล ควรสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเจริญเติบโตและความสัมพันธ์เชิงบวก ให้โอกาสในการพัฒนาตนเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และมีแบบอย่างการแสดงออกทางอารมณ์ที่เหมาะสม เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมพัฒนาการทางสังคมและอารมณ์ของเด็กแรกเริ่มได้”

บรรณานุกรม

Mercer, J. (2013). Child Development; Myths and Misunderstandings. 2nd edition. Sage.

Lucas, J. E., Richter, L. M., & Daelmans, B. (2018). Care for Child Development: an

intervention in support of responsive caregiving and early child development. Child:

Care, health and development44(1), 41-49.

Dowling, M. (2012). Young children’s thinking. Young Children’s Thinking, 1-200.

Parker, R., Thomsen, B. S., & Berry, A. (2022, February). Learning through play at school–A

framework for policy and practice. In Frontiers in Education (Vol. 7, p. 751801). Frontiers Media SA.

Zosh, J. N., Hopkins, E. J., Jensen, H., Liu, C., Neale, D., Hirsh-Pasek, K., … & Whitebread, D.

(2017). Learning through play: a review of the evidence. Billund, Denmark: LEGO Fonden.

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *